วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

นี่หรือนิพพาน ครั้งที่ 06 สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนำมาซึ่งทุกข์




2558-10-15 นี่หรือนิพพาน ครั้งที่ 06
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนำมาซึ่งทุกข์
วันนี้เป็นวันที่ 15 ตุลาคม 2558 สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ แม้เวลาที่เรายืนอยู่ก็ดี นั่งอยู่ก็ดี ไม่ว่าจะลืมตา หรือหลับตาอยู่ ทุกสิ่งก็หมุนผ่าน เวียนไป ไม่มีสิ่งใดเลย ที่หยุดอยู่ตรงหน้าเรา มีการเคลื่อนไป ไหลไป เวียนไป สิ่งนี้ไป สิ่งใหม่ก็เวียนเข้ามา ไม่เว้นแต่ละวัน ไม่เว้นแต่ทุกขณะเลย มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดเวลา ขยับเขยื้อน เคลื่อนตัวของมันไป
ยิ่งความคิดของลูกๆ ทั้งหลาย ก็เหมือนกัน เวียนเข้ามาให้ได้คิด คิดมันเรื่อยไป ไม่มีหยุดเลย วันๆ หนึ่ง สารพัดที่มันจะคิดเข้ามาในหัว สารพัดจะเรื่องราว สารพัดจะปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสะสม ทับถมลงไป มากมายปัญหา มากมายเรื่องราว วันๆ หนึ่ง ไม่รู้ว่าผ่านมาเท่าไหร่ ผ่านไปเท่าไหร่ เรื่องราวที่มันเกิดขึ้น ที่จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี มันเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนก็จะต้องเจอ
การใช้ชีวิตสารพัดเรื่องราว ที่มันจะเกิดกับเราทั้งหลาย มากเรื่อง มากคน สารพัดสารพัน ปัญหาทับถมทวี ไม่มีหยุดหย่อน เดี๋ยวก็เรื่องนั้น ไหนจะเรื่องนี้ เดี๋ยวคนนั้นเจ็บ เดี๋ยวคนนี้ป่วย เดี๋ยวคนนี้ตาย เดี๋ยวคนนี้หัวเราะ เดี๋ยวคนนี้ก็ร้องไห้ ดีใจ เสียใจ มันอะไรกันละลูกเอ๊ย  
บทบาทมันต่างเวลา ต่างกาล สารพัดสารเพ ที่จะเป็นไป เอาแน่นอนไม่ได้เลย คนหนึ่งเสียใจ แต่อีกคนหนึ่งกลับหัวเราะได้ คนหนึ่งพอใจ อีกคนหนึ่งกลับไม่พอใจ มันอะไรกันเนี่ย
ของสิ่งเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน ความคิดเห็นนั้น ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน จะมีอะไรบอกเราไหมล่ะ ว่าเหตุการณ์นี้หรือสิ่งนี้ ที่เกิดอยู่ตรงหน้าเราเนี่ย เราจะเข้าไปดีใจดี หรือว่าเสียใจดีล่ะ จะเข้าไปหัวเราะร่าดี หรือเข้าไปร้องไห้เสียใจดีล่ะ มีอะไรมันเป็นเครื่องวัดมั้ยเนี่ย
อะไรที่มันเป็นเหตุเป็นผล ที่ทำให้คนเรานี้ มีความคิดที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นสิ่งเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน อะไรล่ะ จะเป็นเหตุที่มันทำให้สิ่งเหล่านี้ มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเอาแน่นอนไม่ได้เลย
สิ่งเดียวกัน คนเดียวกัน ต่างกาลต่างเวลากัน ตอนนี้ก็รู้สึกว่าเราจะพอใจกับสิ่งนี้ แต่พออนาคตเข้ามา เวลามันผ่านไป สิ่งเดียวกันเรากลับไม่พอใจ กลับไปแสวงหาสิ่งใหม่อีกมาทดแทน หามันไป ใช้สอยมันไป ไม่พอใจก็หาใหม่ มันอยู่ตรงไหนนะ ความรู้จักพออ่ะ หรือต้องค้นหาไปเรื่อยๆ หากันตั้งแต่เกิดแล้วก็จนตายไป ไม่รู้จะหากันเจอมั้ย ไอ้สิ่งที่จะทำให้เราพอใจ และไม่ต้องหาอะไรอีกแล้ว คิดว่าชีวิตนี้จะไม่หาอะไรอีกแล้ว พอแล้ว มันมีมั้ยล่ะ
ยากยิ่ง ยากยิ่งจริงๆ ที่จะรู้จักพอ เพราะเราเกิดมา ถูกอบรม ถูกบ่มเอาไว้แล้วว่า ต้องแสวงหา ต้องเข้าไปแสวงหา ทุกสิ่งทุกอย่างต้องไปขวนขวายแสวงหา ต่อสู้ อดทน ดิ้นรน อดกลั้น เข้าไปเพื่อความแสวงหา เอาทุกสิ่งทุกอย่างมา อันไหนที่ชอบใจก็เอามา อันไหนที่ไม่พอใจก็ไล่มันไป ขับไล่ไสส่งมันไป ไปให้พ้น
สิ่งที่เราคิดกันเนี่ยนะ มันใช่แล้วหรือยัง สิ่งที่ทำไปเนี่ยนะ มันถูกต้องแล้วหรือยัง สิ่งที่ได้มาเนี่ยนะ มันเป็นสิ่งที่ควรแล้วหรือยัง ที่เราจะกอดรัดมันเอาไว้ ที่เราจะเอามันมาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ มันสมเหตุสมผลมั้ยล่ะ เป็นของที่เราควรจะรักษาไว้มั้ยล่ะ หรือว่าจะหามันไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุดเลย ไม่มีคำว่าพอใจ คำว่าพอแล้วไม่มี ดิ้นรนไป หาใหม่ เอามา
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย คนมีปัญญา เขาไม่อยากได้อะไรเลยลูกรัก เพราะอะไรรู้เปล่า เพราะว่าคนที่เขามีปัญญาแล้ว เขาจะรู้ว่าสิ่งต่างๆ เนี่ย ถ้าเราเข้าไปเป็นเจ้าของมันเมื่อไหร่ มันจะทำความเสียใจให้เราในภายหน้า จะนำความทุกข์มาให้เรา ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบเนี้ย คนที่รักก็ดี สิ่งของที่รักที่ชอบใจก็ดี มันก็จะนำแต่ทุกข์มาให้เรา ที่เราต้องรักษามันเอาไว้ ทุกข์ที่เราต้องดูแลมัน ทุกข์ที่เราต้องเอาใจใส่มัน ทุกข์ที่เราจะต้องถนอมมันเอาไว้ ไม่ให้มันบุบสลาย ไม่ให้มันอันตรธานไป
สิ่งต่างๆ เนี่ย เป็นสิ่งที่เราไม่ควรเลย ที่เราจะแสวงหามา เพื่อเอามาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เพราะทุกข์ที่เกิดขึ้นเนี่ยมันมากมายเหลือเกิน ลงทุน ลงแรง เสียเวลา สารพัดสารเพที่ต้องทุ่มมันลงไป เพื่อเอามันมาเป็นของเราให้ได้ พอได้มาแล้ว ก็ต้องรักษาเอาไว้อีก กลัวคนอื่นจะมาแย่งไป กลัวมันจะบุบสลายไป กลัวมันจะเสื่อมสูญไป
ไม่ได้มีความสุขเลย ไม่ได้มีความสุขเลยชีวิต หาเสร็จแล้วก็ต้องมาเป็นภาระอีก ความสุขที่เราได้จากสิ่งเหล่าเนี้ย สิ่งที่เราพอใจอยู่เนี่ย ว่าเราชอบใจแล้ว เพียงพอแล้ว มันไม่มีหรอกลูก ถึงเวลาผ่านไป มันก็อยากจะได้สิ่งใหม่เข้ามาอีก ที่ดีกว่านี้อีก แสวงหากันเรื่อยไป ตั้งแต่เกิดเลย โตขึ้นมา ตายลงไป กว่าจะรู้ตัวก็ ชีวิตก็หมดซะและ ไม่มีปัญญาและ หมดแรงและ หามันชั่วชีวิต ไม่มีวันจบวันสิ้น เรียนรู้กันไป เหนื่อยกันไป เสียใจกันไป พอใจไม่พอใจ ดีใจเสียใจ ล้วนประดังเข้ามา ตลอดชีวิต ไม่เคยว่างเว้น สร้างความทุกข์ใจให้สารพัด
สิ่งที่อยู่รอบตัวเราเนี่ย ไม่ต้องอื่นไกล ทรัพย์สิน เงินทอง พี่น้อง ลูกเมีย สามีภรรยา พ่อแม่ ทุกอย่างเป็นทุกข์หมดเลย ไม่เห็นมีอะไรมันสุขอย่างแท้จริงสักอย่างเลย ทุกคนก็เริ่มแก่ไป เจ็บป่วยไป ดีใจเสียใจ มีแต่เรื่องมีแต่ราวไม่เว้น หนึ่งคนก็ทุกข์หนึ่ง สองคนก็ทุกข์สอง สามคนก็ทุกข์สาม คนเดียวก็แย่แล้ว คนเดียวนี่ก็ทุกข์พอแล้ว จะหาอะไรกันนักกันหนา อยากได้อะไรกันนักกันหนา ไม่มีเลยที่จะรู้จักพอ รู้จักแบ่งปันให้คนอื่น ไม่มีเลยลูก
อะไรอะไรมันก็ดูแย่ไปหมดเลย เหนื่อย ทุกข์ เสียใจ ผิดหวัง ร้องไห้ ช่างน่าเวทนาจริงๆ ไม่ได้เข้าไปดูแล ไม่ได้เข้าไปเอาใจใส่เลย ว่าชีวิตหนึ่งชีวิตหนึ่งเนี่ย อะไรมันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา อะไรจะเป็นสิ่งที่มันจะทำให้เราเนี่ย ไม่ต้องแสวงหาแล้ว จบลงที่ตรงนี้ไปเลย ที่เราไม่ต้องไปแสวงหาแล้ว แค่นี้เราพอแล้ว มีมั้ยล่ะ
สิ่งต่างๆ เนี่ย มันหมุนเวียนเปลี่ยนไป ตามสภาพกาลของมัน เก่าไป เสื่อมสลายไป ไม่บังอาจที่จะบังคับบัญชาได้เลย ร่างกายของเรา ก็เสื่อมไป แก่ไป เจ็บออดๆ แอดๆ โอดครวญก็แล้ว จะลุกก็เจ็บ จะนั่งก็เจ็บ ป่วยได้ไม่เว้นวัน เสียใจได้ไม่เว้นวัน ทุกข์ใจได้ไม่เว้นวัน มันมีแต่ทุกขเวทนาทั้งนั้นเลย ความสุขมันอยู่ตรงไหนเนี่ย เราดีใจเรื่องอะไรกันบ้างมั้ยเนี่ย เราดีใจกันนานมั้ยเนี่ย หัวเราะกันได้ทั้งวันมั้ย  ดีใจกันได้ทั้งวันมั้ย
อะไรมันคือความสุขที่แท้จริงกันแน่ อะไรที่มันจะทำให้เราไม่ต้องแสวงหาแล้ว สิ่งนั้นมันมีอยู่รึเปล่าบนโลกใบนี้ ถ้าเราได้สิ่งนี้มาแล้ว เราจะต้องไม่มีการแสวงหาแล้ว รู้จักพอแล้ว มีมั้ย มีคนแบบนั้นมั้ย มีสิ่งของแบบนั้นมั้ย บนโลกใบเนี้ย ตั้งแต่เราเกิดมาเนี่ย โตมาเนี่ย แก่มาแล้วเนี่ย ไอ้สิ่งที่ว่าเนี่ย มันมีมั้ย เจอบ้างมั้ย ว่าของชิ้นนี้ ฉันพอแล้ว ไม่เอาแล้ว ดีที่สุดแล้ว คนๆ เนี้ย ฉันพอแล้ว ดีที่สุดแล้ว มีมั้ยล่ะ
ไม่มีหรอกลูกรัก ตราบใด ที่เรายังไม่มีปัญญาเลย ยังหลงระเริง ใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อย สิ่งดีๆ เขามีให้ดู ก็ไม่ดู สิ่งดีๆ เขามีให้ฟัง ก็ไม่ฟัง เหมือนคนไร้ความคิด ขาดสติ ทำตัวเรื่อยเปื่อย แสวงหาอย่างเดียว อย่างอื่นฉันไม่สน เอามันมา บำรุงบำเรอ ปรนเปรอกันไป มีมั้ยล่ะ สิ่งที่จะทำให้เรานี้ พอใจ หยุดอยู่แค่นี้ ไม่เอาแล้ว พอแล้ว ไม่เอาแล้ว มีมั้ย
คนที่เขามีปัญญาน่ะ เขาจะมองออกหมดเลย สิ่งต่างๆ เนี่ย บนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรน่ายินดีสักอย่าง ไปเอามันมาเป็นเจ้าของ เราก็ทุกข์แล้ว ครอบครองมันไว้ มันก็มีแต่ทำให้เกิดทุกข์ ช่างไม่เว้นแต่ละวันเลย พอปล่อยมันไป ก็ค่อยยังชั่วหน่อย ทุกข์ก็น้อยลงหน่อย พอไปเอาสิ่งใหม่เข้ามาอีก แรกๆ มันก็ดี ต่อไปมันก็เอาทุกข์มาให้เราอีก หมุนไป เปลี่ยนไป ไม่มีหยุดหย่อนเลย
เนี่ยเป็นสัจจะธรรมความจริงแท้ๆ ไม่มีอะไรที่มันแท้กว่านี้แล้ว เราจะมองเห็นมันมั้ยเนี่ย หรือยังมองไม่เห็นอีก ว่าสิ่งต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย มันเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ ร่างกายของเรามันก็ทุกข์ ทรัพย์สิ่งของที่อยู่รอบตัวก็นำทุกข์มาให้อีก นึกว่ามันจะปรนเปรอเราให้เกิดความสุขได้ ที่ไหนได้ ทุกข์ไม่เว้นแต่ละวันเลย ต้องห่วง ต้องหวง ต้องหา ต้องดูแล สารพัดสารเพ ทุ่มทั้งแรงกายแรงใจ ความเหนื่อยยาก
ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้วเนี่ย สารพัดปัญหาเลย ความหลงระเริง ในสิ่งต่างๆ บนโลกใบเนี้ย มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้นเลย ที่เราไปข้องอยู่ ติดอยู่ อยากได้มาก็ทุกข์ ได้มาก็ทุกข์ ไม่ได้มาก็ยิ่งทุกข์ ไม่เห็นจะพ้นไปไหนเลยเนี่ย แล้วอะไรล่ะ จะเป็นสิ่งที่นำสุขอย่างแท้จริงมาให้เรา จะไม่สร้างปัญหาให้เรา 
สิ่งต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นแล้ว มีความเสื่อมสลายไป สิ่งต่างๆ ตั้งอยู่กับเราไม่ได้นานเลย ความจริงตรงนี้ ถ้าบุคคลใดมีปัญญาเข้าไปเห็นแล้วล่ะก็ ความทุกข์จะเกิดขึ้นกับเขาที่ไหนได้ เขามีสติรู้ทัน ว่ามันมีทุกข์ แฝงมาด้วยทุกข์ ไม่ได้หลงเลยว่ามันเป็นความสุข เขารู้ก่อนแล้วว่า มันจะนำมา ซึ่งทุกข์แน่ พอมันเกิดขึ้นกับเขาจริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรจะแปลกไปกว่านั้นอีก เพราะเขามีปัญญาเข้าไปรู้แล้ว ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงบนโลกใบนี้ จะคนที่เรารักก็ดี สิ่งของที่เราหวงแหนทะนุถนอมก็ดี ล้วนนำมาซึ่งทุกข์ทั้งนั้นเลย ตายไปแล้ว กลับเอาอะไรไปไม่ได้เลย กองอยู่บนโลกใบนี้ เหลือไว้แต่ความเจ็บปวด ความเศร้าโศกเสียใจ คนที่เรารัก คนที่เราห่วงใย ก็ต้องเศร้าโศกเสียใจ ไปกับการจากไปของเราด้วย ไม่มีอะไรดีเลย ของก็เอาไปไม่ได้สักชิ้น คนที่รักก็เอาไปไม่ได้สักชิ้นเลย ไม่มีเลย ที่จะหอบหิ้วไปได้
ชีวิตมันจนตรอกจริงๆ เพราะรู้ไม่เท่าทัน เพราะไม่คิดที่จะเข้าไปรู้ คนมีปัญญาเขาก็ไม่ทุกข์ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเหตุของทุกข์ทั้งหมด สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเป็นเหตุแห่งทุกข์ ได้มาก็ทุกข์ เสียไปก็ทุกข์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกของคนที่เขามีปัญญา เขาเตรียมใจไว้แล้ว เขารู้เท่ารู้ทัน ไม่ปล่อยจิตปล่อยใจ ให้หลงไปกับสิ่งทั้งปวงบนโลกใบนี้ เขาก็ไม่ทุกข์ อะไรจะเกิดขึ้น มันก็เป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นธรรมดาของโลก เปลี่ยนแปลง แปรปรวน เสื่อมสลาย สูญสลาย ดีใจ เสียใจ พอใจ หรือไม่พอใจ ก็ล้วนเป็นเรื่องของโลกทั้งนั้น เกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว มีให้เห็นตั้งแต่เกิดจนโตมาก็เป็นแบบนี้ เวียนกันไปอย่างนี้ ไม่เห็นมีอะไรแน่นอนสักอย่าง นี่แหละบุคคลเขามีปัญญาเขามองแบบนี้ ไม่ใช่แสวงหา ได้มาแล้วยังไม่พอ เอาอีก เอาอีก ทุกอย่างมันมีแต่ทุกข์ทั้งนั้นเลยลูกเอ๊ย ทุกอย่างมันมีแต่ทุกข์ทั้งนั้นเลย
เกิดมาแล้วทั้งที ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด มีสติปัญญา รู้เท่ารู้ทันสิ่งทั้งหลายทั้งปวง หมั่นศึกษาหาความรู้ หมั่นดูหมั่นฟัง หมั่นอบรมจิตอบรมใจ ให้เข้าถึงธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง สอนตัวเอง เรียนรู้ด้วยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เรียนรู้ด้วยชีวิตที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ เรียนรู้จากการใช้ชีวิต มีสติปัญญาเข้าไปพิจารณา ใคร่ครวญ หาความจริงแท้ให้เจอ อะไรเป็นสิ่งที่เราควรจะใช้ชีวิต อะไรเป็นสิ่งที่เราควรจะแสวงหามา หรืออะไรเป็นสิ่งที่เราควรที่จะดำเนินไป ว่าจะทำอะไรกันดี อยู่กันยังไง ใช้ชีวิตกันยังไง หมั่นอบรมจิตอบรมใจ ของตัวเราเนี่ยแหละ ศึกษาหาความรู้เข้า ตรงไหนที่เขาสอนเราให้เป็นคนดี ให้เห็นสัจจะธรรมความเป็นจริง เราก็ต้องศึกษาหาความรู้ เอามาใส่ตัวเรา เพื่อปรับปรุงชีวิตของเราให้มันดีขึ้น ให้มันเจริญขึ้น เป็นสิ่งที่เราควรจะทำนะ ถ้าเรามองข้ามตรงนี้ไปเนี่ย เราก็จะตายอย่างไม่มีค่าเลย เวลาความตายมันเยือนมาถึงแล้วเนี่ย เราทำอะไรไม่ได้แล้ว หมดเวลาแล้ว คิดอยากจะทำก็ไม่มีสิทธิ์แล้ว ต้องปล่อยมันไปแล้ว ไปเริ่มต้นใหม่ ไปเกิดมาใหม่ แล้วก็มาวนใช้ชีวิตอยู่อย่างเนี้ย ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เกิดตาย เกิดแล้วก็ตาย
จงศึกษาและไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบเนี้ย เรามั่นหมายอะไรไว้ไม่ได้เลย ถ้าเอาจิตเอาใจเข้าไปมั่นหมายมันเอาไว้ล่ะก็ เราก็จะพลาดหวัง ผิดหวัง เสียใจ เศร้าใจ เป็นทุกข์รออยู่เลย มีอะไรก็ทำไป ใช้สอยมันไป กินอยู่มันไป ทำงานไป จะไปเอาอะไรมันมากมาย จะกินอะไรมันมากมาย จะอยู่อะไรมันที่พิสดาร อะไรมันมากมาย
ต้องรู้จักพอดี แสวงหาแต่พอดี ในสิ่งที่มันควร ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่เบียดเบียนครอบครัว ไม่เบียดเบียนตัวเอง สิ่งเหล่านี้แหละ เราต้องคิดพิจารณาตลอดการมีชีวิตของเรา จนกว่าวันตายวันนั้นจะมาถึง เพราะว่าถ้าวันนั้นมาถึงแล้ว ไม่มีโอกาสแก้ตัว ไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรอีกแล้ว
ขอฝากท่านทั้งหลาย ขอฝากลูกๆ ทั้งหลาย ใคร่ครวญให้ถี่ถ้วน อะไรที่มันสำคัญกับชีวิตเรากันแน่ การแสวงหาหรือ การแสวงหาสิ่งต่างๆ ให้ได้มาน่ะหรือ เป็นสิ่งที่เราควรทำอย่างนั้นหรือ ตายแล้วเอาไปได้มั้ย มีอะไรติดตัวไปได้มั้ย ความโกรธ ความเกลียด ดีใจเสียใจ ล้วนกองทิ้งไว้อยู่บนโลกใบเนี้ย ไม่มีอะไรติดตัวเราไปได้สักอย่างเลย หอบหิ้วไปไม่ได้เลย มันเป็นของโลก ของที่จะพาเรามาเวียนตายเวียนเกิด เพราะเราวางมันไม่ลง หอบหิ้วมันเอาไว้ ต้องกลับมาเกิดชดใช้มันอีก เพราะยังวางความพอใจหรือไม่พอใจไม่ลง ยังวางความโกรธความเกลียดไม่ลง ยังวางความรักชอบใจพอใจไม่ลง ล้วนแต่เป็นเหตุที่เราต้องมาเกิด มาใช้หนี้ มาใช้สอยสิ่งที่เราเข้าไปยินดีในมัน เข้าไปข้องอยู่ในมัน
ขอให้ทุกคนมีสติคิดได้ ว่าอะไรจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่พวกเราทั้งหลายนั้น จะเป็นหนทางในการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ให้มันเกิดประโยชน์ขึ้นมา ให้สมราคาที่เราเกิดมาแล้ว เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ ฝากไว้แด่ชนรุ่นหลัง ไม่ใช่ผู้เอาประโยชน์ หรือแสวงหาให้ตนเองอย่างเดียว ต้องรู้จักเผื่อแผ่ อนุเคราะห์ เกื้อกูล
เนี่ยแหละคือคุณธรรม เนี่ยแหละคือคุณอันวิเศษ ที่เราเกิดมาแล้วชาติหนึ่งเนี่ย น้อยคนนักที่จะทำได้หรือมองเห็นได้ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปซะแล้ว หามาชั่วชีวิต ใช้ไปชั่วชีวิต เปลี่ยนไปชั่วชีวิต ก็ยังไม่จบไม่สิ้น
ใครรู้ตัวก่อน ไหวตัวทัน มีปัญญา เข้าไปศึกษาหาความรู้ พินิจพิเคราะห์พิจารณา ก็จะรู้ทัน รู้ทันความจริง ว่าสรรพสิ่งมันหลอกลวงล่อเรา ให้หลงใหลได้ปลื้ม ให้ดีใจเสียใจ ให้ร้องไห้หัวเราะไปวันๆ ไม่มีสาระประโยชน์อะไรเลย
ขอให้ท่านทั้งหลาย ลูกรักทั้งหลาย จงพ้นเถิด พ้นจากเครื่องข้องทั้งปวง เครื่องร้อยรัดของชีวิต พ้นจากความหลงเข้าไปยึดไปถือในสิ่งทั้งปวง ให้มีปัญญา เฉลียวฉลาด รู้ทันสิ่งทั้งปวงตามความเป็นจริง ไม่ให้มันหลอกมันล่อเราต่อไปได้อีก
สุดท้ายนี้ หวังว่า ชีวิตที่เหลือยู่ของท่านทั้งหลาย ลูกๆ ทั้งหลาย จะเป็นชีวิตที่มีประโยชน์ ต่อผู้อื่นและต่อตัวเองด้วย ขอเจริญพรในธรรมทั้งปวง ขอให้เข้าถึงธรรม ขอให้รู้แจ้งธรรม สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ให้เป็นครูสอนเรา ให้เป็นบทเรียนสอนเรา ให้รู้เท่าทัน เพื่อเอามาปรับปรุงใช้ ให้ชีวิตมันมีคุณภาพ เป็นชีวิตที่คุ้มค่าในการที่เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ยังมีคุณมีประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง ไม่ทำลายทั้งตัวเองและผู้อื่น ขอเจริญพร เจริญธรรม ทุกท่าน ทุกคนเทอญ
  
นี่ ห รื อ นิ พ พ า น
คลิกอ่านตามลิ้งด้านล่าง
01 เรื่อง ของ ธ า ตุ (คลิกอ่าน)
02 บุญคุณที่ต้องทดแทน (คลิกอ่าน)
03 ความหลงใหลในสิ่งต่างๆ ล้วนนำมาซึ่งทุกข์ (คลิกอ่าน)
04 ชีวิตที่สูญเปล่า (คลิกอ่าน)
05 เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง (คลิกอ่าน)
06 สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนำมาซึ่งทุกข์ (คลิกอ่าน)
07 เรื่องของ ขั น ธ์ ห้ า (คลิกอ่าน)
08 เรื่อง นี่หรือนิพพาน (คลิกอ่าน)
09 ธรรมมะจากหลวงปู่ ... (คลิกอ่าน)
10 สุญญตาธรรม (คลิกอ่าน)
11 ธรรมธาตุทั้งหลายทั้งปวง อันเดียวกัน สิ่งเดียวกัน ต่างแค่ความเห็น (คลิกอ่าน)

หนังสือ นี่หรือนิพพาน 29-01-2560 A5.PDF
(ต้นฉบับส่งโรงพิมพ์ ขนาด-เล่มเล็ก) (5.83 X 8.27 นิ้ว)



ไม่มีความคิดเห็น: