วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

นี่หรือนิพพาน ครั้งที่ 01 เรื่องของ ธ า ตุ



ไฟล์เสียง 

2558-10-01 นี่หรือนิพพาน ครั้งที่ 01
เรื่องของ ธาตุ
(เรียงเรียงจากไฟล์เสียง พระดำรัส องค์ธรรม)
วันนี้เป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2558 สถานที่ก็คือ วัดเขาน้ำทิพย์ วันนี้องค์ธรรมท่านได้มาสอน เรื่องของ ธาตุ เพื่อเพิ่มสติปัญญาความรู้ ไขข้อข้องใจว่าสิ่งต่างๆ นั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร อาศัยอะไรเป็นเหตุและเป็นปัจจัยทำให้มีขึ้นมาได้ ได้แสดงธรรมไว้ดังนี้
สิ่งต่างๆ นั้น มีได้เพราะอาศัย อากาศธาตุ อากาศธาตุเป็นหลักสำคัญยิ่ง ก่อตัวด้วยอากาศธาตุเป็นเหตุและเป็นปัจจัย เมื่ออากาศธาตุเรียงตัวกัน กันได้ขึ้นมา ก็จะเกิดเป็น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ หล่อเลี้ยงอยู่ในธาตุต่างๆ อากาศธาตุจึงมีอยู่ในทุกที่ทุกแห่ง เป็นอากาศธาตุที่มีความสำคัญยิ่งในสิ่งต่างๆ ทั้งปวง
อากาศธาตุนั้น ทำให้เกิดเป็นพลังงานขึ้นมา พลังงานก็ทำให้เกิดอากาศธาตุ สองสิ่งนี้จะทำการหมุนเวียนเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ให้สรรพสิ่งนั้นตั้งอยู่ได้ สรรพสิ่งจะเสื่อมสลายไปก็อาศัยสองสิ่งนี้ อาศัยอากาศธาตุที่เป็นตัวแปรสำคัญทำให้เกิดพลังงาน พลังงานก็กลับไปหล่อเลี้ยงทำให้อากาศธาตุตั้งอยู่ สรรพสิ่งจะตั้งอยู่ได้ก็อาศัยการหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกัน การเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ของสองสิ่งนี้เป็นหลักสำคัญยิ่ง ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟก็ดี ธาตุลมก็ดี ก็ล้วนแต่อาศัยสองสิ่งนี้เป็นหลักสำคัญ ในการเข้าไปเกื้อหนุน เข้าไปบริหารจัดการข้างใน เป็นความรู้ที่ไม่มีอยู่ในตำรา ไม่มีการแสดงไว้ในที่ใดๆ เป็นความรู้ที่นอกเหนือจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
วันนี้ได้ลงมาแสดงให้พวกท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ดี หรือเทวดาที่สามารถรับเสียงนี้ได้ก็ดี ได้ยินอยู่ก็ดี รู้ได้ก็ดี ให้ได้เข้าใจในสิ่งที่เหนือจากความรู้ที่มีอยู่
สรรพสิ่งก็ก่อเกิดมาจาก อากาศธาตุ นี่แหละ เป็นตัวแปรสำคัญเลย ซึ่งทำงานร่วมกับพลังงานที่เกิดมาภายหลัง บุคคลทั่วไปมักจะเข้าใจว่า สรรพสิ่งเกิดจากพลังงาน แต่แท้ที่จริงแล้ว อากาศธาตุนี่แหละ เป็นตัวแปรสำคัญ เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ
ความเสื่อมไปของร่างกายก็ดี ความเสื่อมไปของสิ่งต่างๆ ที่ตั้งอยู่โดยรอบที่เราได้เห็นก็ดี ธรรมชาติที่เกิดขึ้น ก็ล้วนแล้วแต่อาศัยอากาศธาตุเป็นกลไกที่สร้างขึ้น โดยร่วมกับพลังงาน อาศัยซึ่งกันและกัน ทำให้มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ได้ และเสื่อมสลายไป ก็อาศัยสองสิ่งนี้
จะเป็นแม่น้ำก็ดี ภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ก็ดี ก็ไม่ได้ตั้งอยู่นานเลย วันหนึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้ตัวเราด้วย ร่างกายของเราด้วย ชีวิตินทรีย์ของเรา ก็ล้วนเป็นอัตตาเดียวกันหมดเลย คือมีความเสื่อมสลายและพังไปในที่สุด อันนี้เป็นองค์ความรู้ ที่หลายๆ คนอาจจะปฏิเสธ แต่มันเป็นสิ่งที่จะไม่มีการปิดบังหรือซ่อนเร้นอะไรอีกต่อไป
สิ่งเหล่านี้ ต่อไปก็จะถูกนำออกไปเผยแผ่ให้ชาวโลกได้รับรู้ จะมีการถกเถียงกันมากมาย จะมีการดูถูกดูแคลน ต่อว่า ว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นจริง ก็ไม่เป็นไร มีบุคคลที่พร้อมที่จะเข้าใจอยู่ ต้องอาศัยสติปัญญาของบุคคลนั้น ว่าถึงในระดับที่เขาจะยอมรับได้
เมื่อบุคคลได้ยินเสียงนี้แล้ว จะแยกเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งไม่ใช่ไม่จริง ไร้สาระ ฝ่ายหนึ่งก็จะบอกว่า เป็นไปได้ เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ แต่ก็น่าที่จะเชื่อถือได้ ความคิดแตกแยกจะเกิดขึ้นมากมาย ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรม
สิ่งต่างๆ ที่ลูกทั้งหลาย ได้เคยรู้มานั้น ล้วนทับถมอยู่ในจิตวิญญาณของลูก ห่อหุ้มดวงจิตอันบริสุทธิ์ หนาแน่นไปด้วยกิเลสตัณหาอุปาทาน ฉะนั้น การที่จะยอมรับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่นอกเหนือจากที่ตัวเองยึดมั่นถือมั่นเอาไว้แล้ว ก็เป็นไปได้โดยยากยิ่ง หลงอยู่ในความเพลิดเพลินของวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิดกันไม่รู้จักจบจักสิ้น ก็อาศัยกิเลสตัณหาอุปาทานนี้แหละ เป็นกลจักรสำคัญเลย เป็นความยึดมั่นที่วางไม่ลง ชาติหนึ่งชาติหนึ่งเกิดมา แทนที่จะสลัดความยึดมั่นถือมั่นลงได้ ก็เปล่าเลยลูกรักเอ๋ย ลูกรักทั้งหลายไม่ได้สลัดออกเลย แต่กลับพอกพูนความยึดมั่นถือมั่น ในความรู้ต่างๆ ที่ลูกรักได้ศึกษาในทางโลก การแก่งแย่งชิงดี การเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การไม่รู้จักการให้อภัยกัน สิ่งเหล่านี้เป็นตัวทำลาย จิตวิญญาณอันแท้จริงของลูกรักทั้งหลาย ทำให้มีการเกิด การตาย การเจ็บ การป่วย ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ มากมาย ที่จะกลับมาทำลายเรา เพราะความเคียดแค้นชิงชัง เป็นกลจักรสำคัญเลยลูกรัก
ในสังคมก็ดี ในครอบครัวของเราก็ดี ล้วนมีความสำคัญไม่แพ้กันลูกรัก เรารักครอบครัวเรายังไง ก็ให้รักสังคมภายนอกอย่างนั้น การเข้าทำลายประหัตประหารซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย ทั้งที่มนุษย์เป็นผู้มีสติปัญญา มีความเฉลียวฉลาด แต่อาศัยความยึดถือเป็นตัวจักรสำคัญเลย ที่การเข้าถึงสติปัญญาชั้นสูงขึ้นไปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ อะไรอะไรก็ดูมืดมนไปหมด การเข้าถึงธรรมอันชั้นสูง คือการเข้าถึงได้ยาก เพราะการไม่รู้จักให้อภัยนี่แหละลูกรัก การเคียดแค้นชิงชังนี่แหละ มันซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตสำนึกของเจ้า มันซ่อนเร้นอยู่ภายใต้จิตสำนึกของเจ้า มันแฝงตัวอยู่ สำรวจดูนะ สำรวจดูให้ดีว่า เราสลัดสิ่งนี้หลุดออกหมดหรือยัง ความเคียดแค้นชิงชัง ความไม่ให้อภัย เราได้สลัดมันออกหมดหรือยังอย่างแท้จริง
แม้บุคคลประกาศตัวเองว่าเป็นผู้มีเมตตา หรือสำนึกอยู่ว่าตัวเองเป็นผู้มีเมตตายิ่งกว่าบุคคลอื่น ก็อย่าลืมสำรวจตัวเองให้ดีนะลูก ว่าสิ่งเหล่านี้ เราสลัดมันหลุดออกหมดหรือยังอย่างแท้จริง การเคียดแค้นชิงชัง การไม่ให้อภัย เราได้สลัดมันออกหมดอย่างแท้จริงหรือยัง มันซ่อนอยู่จิตใต้สำนึกของเราหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเข้าไปทำลายในระบบทั้งหมด สิ่งมีชีวิตก็จะถูกทำลายด้วยสิ่งนี้ มันเป็นพลังงานที่น่ากลัว เข้าไปทำลายพลังงานทั้งหลายทั้งปวงจนหมดจนสิ้น ความเสื่อมไปในร่างกายของพวกเธอก็เหมือนกัน ก็จะรวนไปหมด ความเสื่อมก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โรคภัยไข้เจ็บก็อาศัยสิ่งนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะเมตตาของเธอไม่ได้เกิดอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด การไม่ให้อภัยซึ่งกันและกัน มันถูกซ่อนตัวอยู่ มีความเคียดแค้นอยู่ แม้จะเหลือน้อย แต่ก็ยังมีอิทธิพลก่อตัวไปเรื่อยๆ
สำหรับผู้ที่มีมาก เพราะไม่เคยได้สดับฟังธรรมมะ เพื่อกล่อมเกลาจิตใจเลย ก็จะยิ่งเกิดโรคภัยไข้เจ็บอย่างมากมาย บางคนก็รักษา ไม่อาจรักษาได้ เพราะไม่รู้เส้นทางอันแท้จริงว่า อะไรคือการบำบัดที่แท้จริง แม้ยาก็ช่วยไม่ได้ หมอที่ว่าเก่ง ที่ว่ามีความรู้สูงๆ เป็นที่เลื่องลือ ก็ไม่อาจช่วยได้ เงินทองที่มี แม้จะมีมากกว่าคนอื่น ถึงเวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้
สิ่งที่จะทำให้เรา พ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้นั้นคือ การมีสติปัญญาเข้าถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง ธรรมชาติที่เราเวียนตายเวียนเกิดนี้ก็เรียกว่า ธรรมชาติ เป็นชาติแห่งธรรม เป็นธรรมแห่งชาติ ชาติคือการเกิด  ธรรมมะ คือ สิ่งที่เวียนไป หมุนเวียน เป็นการเวียน หมุนไป เคลื่อนไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ ท่านทั้งหลายก็คงจะเริ่มมองเห็นภาพแล้ว ว่าทางรอดที่แท้จริงของพวกท่านทั้งหลาย ก็คือการเข้าถึงธรรมนี้เอง เข้าถึงธรรมชาติที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การรู้สิ่งต่างๆ ที่เรียนมาจากทางโลกหรือตำราแพทย์ ก็ไม่อาจช่วยได้ เมื่อจิตใจเราเข้าถึงธรรมชาติอย่างแท้จริงแล้ว สติปัญญาก็จะเพิ่มพูน รู้สิ่งต่างๆ ของความเป็นไป
วันนี้ ก็ขอแสดงไว้เพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่าน จงใช้สติปัญญา ระลึกรู้ ถึงความเป็นไปของสิ่งต่างๆ ภายในตัวเราก็ดี ภายรอบๆ ตัวของเราก็ดี ว่ามีความผิดแผกแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อะไรต่างๆ เกิดขึ้นมายังไง แล้วมันดับลงไปได้ยังไง ให้ท่านสังเกตให้ดี จะได้ชื่อว่าเป็นผู้เกิดมาแล้ว ท่านจะไม่เสียเวลาเปล่า อันนี้เป็นพื้นฐานที่ท่านทั้งหลายพึงจะระลึกรู้ได้ เป็นวิธีการหนึ่งที่ท่านทั้งหลายจะมีสติปัญญาเพิ่มขึ้นมา
ให้ดูซิว่า ตัวเราเนี่ย ภายในตัวเราเนี่ย กับภายนอกที่เข้ามาสู่กายเนี้ย ที่มันมีอยู่เนี่ย ตั้งอยู่เนี่ย และที่มันดับสลายลงไปเนี้ย ทั้งภายในและภายนอกเนี้ย มีอะไรที่ผิดแผกแตกต่างกัน เห็นการเคลื่อนตัวของมัน เห็นการตั้งอยู่และดับลง ทั้งภายในและภายนอก นี่ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ท่านทั้งหลายจะสามารถตระหนักได้ ทำให้เกิดปัญญาขึ้นมา เป็นสติปัญญาชั้นสูงสุดเลย จะทำให้เกิดสติปัญญาชั้นสูงสุด ปัญญาของท่านจะพัฒนาขึ้น จะมีความรู้ที่นอกเหนือจากในตำรา เป็นสิ่งอัศจรรย์ของโลก ของมวลมนุษยชาติ เป็นหนทางที่ท่านทั้งหลาย หรือลูกรักทั้งหลาย จะได้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง เพราะลูกจะเป็นผู้เข้าถึงธรรม ธรรมชาติจะไม่อาจหลอกลูกอีกต่อไป ลูกจะไม่หลงอยู่ในธรรมชาติ สิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ลูกจะเห็นแท้ในความจริงตรงนี้ ถ้าลูกจะเพียงท่องในตำราที่แสดงไว้ละก็ ลูกจะต้องไม่มีวันที่จะหลุดไปได้เลย มันจะเป็นกรงขังเราอย่างดี หมักหมมอยู่ในจิตอยู่ในใจลูก เอาข้ามภพข้ามชาติต่อไปอีก
ดูซิว่า ภายในกับภายนอกเนี่ย มันต่างกันยังไง อยู่กันยังไง เสื่อมสลายไปยังไง อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และดูซิว่า มีอะไรที่มันตั้งอยู่ได้นานมั่ง
ธรรมะในวันนี้ ก็ขอให้ทุกท่าน ลูกรักทั้งหลาย สดับแล้วนำไปคิดพิจารณา
สรรพสิ่งไม่มีจริงไม่มีเท็จ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทั้งสิ้น
การเข้าไปยึดว่าจริงหรือเท็จ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่น่าพึ่งพิงอาศัย เพราะมันเป็นตัวทำลายทั้งตัวเองและผู้อื่นอย่างแท้จริง
พ้นจากจริงพ้นจากเท็จ จิตของลูกทั้งหลายก็จะเป็นอิสระ
ธรรมะในวันนี้ ก็ขอให้ผู้มีปัญญาทั้งหลาย พึงได้สดับ ขอเจริญพร เจริญธรรม ด้วยกันทุกท่าน เป็นธรรมมะสวัสดียามเช้า ช่วงระหว่างตี 1 และตี 2  ทุกสิ่งที่ได้ให้ในวันนี้ ล้วนเป็นความหวังดีแก่พวกท่านทั้งหลาย จะมาจากที่ใดนั้น ก็สุดแล้วแต่พวกท่านจะคิดกัน
ขอให้เจริญด้วยกันทุกท่านทุกคน สิ่งใดที่ได้สดับแล้ว ก็ใช้จิตสำนึกอันบริสุทธิ์ เข้าไปคิดพิจารณา ใคร่ครวญ ในธรรมที่ได้ประกาศไปแล้วนั้น หวังว่าจิตของพวกท่านทั้งหลาย จะพึงหลุดพ้นได้ พ้นจากความยึดถือทั้งปวง เจริญพร สาธุ


นี่ ห รื อ นิ พ พ า น
คลิกอ่านตามลิ้งด้านล่าง
01 เรื่อง ของ ธ า ตุ (คลิกอ่าน)
02 บุญคุณที่ต้องทดแทน (คลิกอ่าน)
03 ความหลงใหลในสิ่งต่างๆ ล้วนนำมาซึ่งทุกข์ (คลิกอ่าน)
04 ชีวิตที่สูญเปล่า (คลิกอ่าน)
05 เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง (คลิกอ่าน)
06 สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนำมาซึ่งทุกข์ (คลิกอ่าน)
07 เรื่องของ ขั น ธ์ ห้ า (คลิกอ่าน)
08 เรื่อง นี่หรือนิพพาน (คลิกอ่าน)
09 ธรรมมะจากหลวงปู่ ... (คลิกอ่าน)
10 สุญญตาธรรม (คลิกอ่าน)
11 ธรรมธาตุทั้งหลายทั้งปวง อันเดียวกัน สิ่งเดียวกัน ต่างแค่ความเห็น (คลิกอ่าน)

หนังสือ นี่หรือนิพพาน 29-01-2560 A5.PDF
(ต้นฉบับส่งโรงพิมพ์ ขนาด-เล่มเล็ก) (5.83 X 8.27 นิ้ว)

       

ไม่มีความคิดเห็น: