วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

นี่หรือนิพพาน ครั้งที่ 03 ความหลงใหลในสิ่งต่างๆ ล้วนนำมาซึ่งทุกข์



ความหลงใหลในสิ่งต่างๆ ล้วนนำมาซึ่งทุกข์

2558-10-06 นี่หรือนิพพาน ครั้งที่ 03
ความหลงใหลในสิ่งต่างๆ ล้วนนำมาซึ่งทุกข์
วันนี้เป็นวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ลูกรักทั้งหลาย สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง แปรปรวนเปลี่ยนแปลง ไปตามกาลเวลา สิ่งที่คิดว่าเที่ยง คิดว่ามันจะดำรงอยู่ได้ ก็เปล่าเลย ถึงเวลามันก็เสื่อมสูญไปในที่สุด เมื่อลูกรักมองเห็นตามนี้ เห็นตามความเป็นจริง ทรัพย์สินเงินทองก็ดี ร่างกายของลูกรักก็ดี มันมีอะไรที่เที่ยงแท้บ้าง มีอะไรที่มันอยู่กับเราอย่างยั่งยืนบ้างล่ะลูก มองเห็นกันหรือยัง มันมีอะไรมั้ย ที่มันเที่ยงแท้ ยั่งยืน คงทนน่ะ ที่มันจะไม่มีวันเสื่อมสลายไปเลยน่ะ ไม่มีวันพังลงไปน่ะ มีบ้างมั้ยล่ะลูกเอ๊ย เจ้าหากันเจอแล้วหรือยังล่ะ ไอ้สิ่งที่ว่าเนี่ย
นี่คือสัจจะธรรมความจริง พวกเจ้าทั้งหลายต้องมองให้เห็น เข้าไปถึงแก่นแท้ของความจริง มันเป็นกฎของความเป็นธรรมดาลูกรัก มันเป็นธรรมดาอย่างนี้เอง ทุกอย่างมีความเสื่อมสลาย ไม่มีสิ่งใดเลยลูกรัก ที่มันจะดำรงอยู่ได้นานนัก ถึงเวลาย่อมจากเราไป ทรัพย์สินเงินทองก็ดี แม้คนที่เรารักก็ดี ไม่มีเลยลูกรัก ไม่มีเลย ไม่มีวันที่มันจะตั้งอยู่ได้ ไม่มีวันที่เราจะกอดรัดอยู่ได้ ไม่มีวันที่เราบอกว่า อย่าจากเราไปเลย อย่าเจ็บป่วยเลย อย่าเสียใจร้องไห้เลย มันเป็นไปได้มั้ย มันเป็นไปได้มั้ย สิ่งเหล่านี้ เรากอดมันเอาไว้ทำอะไร ไปหลงมันอยู่ทำไม เจ้ายิ่งดื้อรั้นไปกอดในสิ่งที่มัน ตั้งอยู่ไม่ได้ พยายามหลอกตัวเอง ว่าฉันรักษามันไว้ได้ ทะนุถนอมมันไว้ได้ เลี้ยงดูมันไว้ได้ รักษามันไว้ได้ มันจะไม่มีวันจากฉันไป มันจะไม่มีวันเสื่อมสลายไป มันจะไม่มีวันสูญสลายไป อย่างนั้นหรือ
ตื่นเถิดลูกรักทั้งหลาย มองย้อนลงมาดูความจริงกันได้แล้ว นี่คือความจริงแท้ เป็นสัจจะความจริงแท้เลย ที่ใครๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้วิเศษมาจากไหน ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจากเราไปลูกรัก ย่อมสูญสลายไป ย่อมสูญเสียไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง พวกเจ้าไม่มีทางที่จะรักษามันไว้ได้นานเลย เที่ยวร้องตะโกนว่า อย่าจากฉันไป อย่าจากไปเลยนะ อยู่กับฉันนานๆ นะ
คนที่เรารักใคร่ก็ดี คนที่เราห่วงใยก็ดี หรือจะเป็นทรัพย์สินเงินทองที่เจ้ามีก็ดี ที่มีแล้วหวงแหนนักหวงแหนหนา เฝ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างไม่ลืมหูลืมตา ใช้ความโลภเข้าไปแสวงหา เอามาเป็นของตน กอดรัดเอาไว้ซิ ว่าอย่าจากฉันไปเลยสิ่งเหล่านี้ อยู่กับฉันนานๆ นะ
โธ่ มันน่าเหนื่อยใจจริงๆ มันน่าเหนื่อยใจจริงๆ จงมีสติได้แล้วลูกรักเอ๋ย จงมีสติกันได้แล้ว หันมามองความจริงแท้กันได้แล้ว ดูว่าอะไรมันซ่อนอยู่ ในสิ่งที่เราเห็นก็ดี ในสิ่งที่เราได้ยินอยู่ก็ดี ในสิ่งที่เรารู้สึกได้ก็ดี ในสิ่งที่เราพอใจอยู่ก็ดี ในสิ่งที่เราเสียใจอยู่ก็ดี ดูซิว่า เบื้องลึกเบื้องหลังแล้วอะไรกันนะที่มันซ่อนอยู่น่ะ ภายใต้สิ่งเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วอะไรมันซ่อนเราอยู่ มันตบตาเราอยู่ มันหลอกลวงหลอกล่อเราอยู่ล่ะลูกรักเอ๋ย ปัญญาของเจ้าไปไหนกันหมด
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเข้าไปแตะเข้าไปต้อง ไม่น่าที่เจ้าจะเข้าไปข้องเลย วางจิตวางใจให้เป็นธรรมดานะลูกรัก ว่าสิ่งต่างๆ ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรอยู่กับเรานานหรอกลูกรักเอ๋ย เราเข้าไปให้ความพอใจสนิทสนมกับมันเมื่อไหร่ เจ้ารอทุกข์ที่จะมาถึงได้เลย
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นบทเรียนสอนพวกเจ้าทั้งนั้น ให้มีความแข็งแกร่ง ให้มีความกล้าหาญ ให้มีความอดทน ยอมรับในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น นี่คือความจริงแท้ มันเป็นสัจจะความจริง ที่พวกเจ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
มันเป็นกฎของความเป็นธรรมดา มันเกิดขึ้นมาแล้ว ตั้งอยู่ไม่ได้นาน ย่อมมีความเสื่อมสลายลงไปในที่สุด ไม่ว่าสิ่งใดๆ บนโลกใบนี้ ไม่มีใครยื้อยุดฉุดกระชากมันไว้ได้เลย จงมีความสำนึก มีสติสัมปชัญญะ ไม่เอนเอียงไม่หวั่นไหว สิ่งใดเกิดขึ้นมาแล้ว ล้วนเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ให้เห็นตามความเป็นจริง เมื่อจิตเห็นดังนี้แล้ว ปัญญาที่แท้จริงจึงจะเกิดขึ้นได้ สิ่งที่หลอกลวงเจ้าอยู่ หรือสิ่งที่มันหลบซ่อนซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง มันก็จะโผล่ขึ้นมาเอง จะปรากฏให้เจ้าได้เห็นอย่างชัดเจนเลยลูกรัก ปัญญาของเจ้าก็จะเกิดขึ้น เป็นปัญญาที่ไม่มีสิ่งใดๆ ในโลก หรืออะไรอะไรในโลกนี้ ที่จะหลอกลวงเจ้าให้หลงใหลได้อีกแล้ว
ลูกเมียของเจ้าก็ดี ทรัพย์สินเงินทองของเจ้าที่มีอยู่ก็ดี คนที่เจ้ารักนักหนาก็ดี คนที่เจ้าเกลียดชังนักหนาก็ดี ในที่สุดก็ต้องจากเจ้าไปในวันหนึ่ง สิ่งที่เหลือไว้อยู่คือ สิ่งที่เป็นรอยเจ็บปวด เป็นความเจ็บปวด ความเศร้าโศกเสียใจ ร่องรอยของความเจ็บปวด ร่องรอยของความเศร้าโศกเสียใจ จะเป็นตัวบ่อนทำลายพวกเจ้าทั้งหลาย ให้เกิดความหมดกำลังใจ ไม่อาจที่จะมีชีวิตอยู่ได้ กล่อนความเป็นตัวเองของเจ้าลง สิ่งเหล่านี้แหละ มันจะกัดกร่อนจิตสำนึกของเจ้า เพราะความที่เจ้าเข้าไปหลงใหล ไม่ได้เห็นความจริงแท้ ไม่ได้มองอย่างทะลุปรุโปร่ง
สิ่งนี้แหละลูกรักเอ๋ย จงมีปัญญากันได้แล้ว จงเข้าใจกันได้แล้ว มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลย ถ้ามองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ มันก็จะหลอกลวงเจ้าไปอีกนานแสนนาน เจ้าจะมีแต่ความโลภโมโทสัน มีแต่ความหลงใหลได้ปลื้ม มีแต่ความคิดอยากจะแสวงหาเพิ่มๆๆๆ เอาสิ่งต่างๆ เข้ามาเป็นของตน อย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าเจ้ามองไม่เห็นมันละก็ มันจะหลอกลวงเจ้าไปตลอดกาล รางวัลที่เจ้าจะได้รับนั้น เป็นรางวัลแห่งความเจ็บและปวด เพราะเจ้าหลอกตัวเอง เพราะเจ้าหลอกตัวเจ้าเอง เจ้าค้นหากันแต่สิ่งที่มันอยู่ภายนอก ไปเอามาเป็นเจ้าของ ทั้งๆ ที่มันเสื่อมสลายลงไปในที่สุดทั้งนั้น ทำไมถึงมองไม่เห็นกันนะ หรือเห็นแล้วแต่ก็แกล้งว่าไม่เห็นซะ เพราะมันทำใจไม่ได้อย่างนั้นหรือ
พวกเจ้าทั้งหลาย จงกลับมาเริ่มค้นหาตัวเองกันได้แล้ว ดูซิว่าตัวเรานี้ มันเป็นใครมาจากไหนกัน มันเกิดมาได้ยังไง ใครเป็นผู้ให้เจ้าเกิดมา ใครเป็นผู้ให้กำเนิดเจ้ามา และถ้าตายลงไปแล้วเนี่ย เจ้าจะไปอยู่ที่ไหน จะไปเกิดเป็นอะไรกันดี มองดูซิว่า เราเนี่ยเริ่มค้นหาตัวเองกันรึยังล่ะลูก หาตัวเองกันได้แล้ว มองย้อนกลับเข้ามาสู่ตัวตนที่แท้จริงของเรา ว่ามันเป็นใครมาจากไหนกันนะ เกิดมาแล้วจะทำอะไรกันดี ตายไปแล้วก็จะไปไหนกันดี ย้อนดูตัวเอง เข้าใจในสิ่งที่มันซ่อนอยู่
ความหลงใหลในสิ่งต่างๆ ล้วนเป็นบ่อเกิดนำมาซึ่งทุกข์ทั้งสิ้น
ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม
ผู้ใดแสวงหาสุข ผู้นั้นทุกข์รออยู่
เพราะความสุขที่แท้จริงมิได้มีอยู่ในโลก เป็นความสุขที่เจือไปด้วยทุกข์
หมดสุขมีทุกข์ หมดทุกข์มีสุข หมุนเวียนเปลี่ยนไป มิได้ตั้งอยู่ได้นาน ทุกอย่างมีเสื่อมมีสูญ ร้องขออ้อนวอนไม่เป็นผล
สิ่งเดียวที่พึงทำ คือตั้งจิตตั้งใจ เป็นผู้เห็นสัจจะความจริง พิจารณาอย่างแยบคาย ในสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต สิ่งที่เราระคนอยู่ ใช้สติปัญญารอบครอบ ไตร่ตรองอย่างเที่ยงแท้เป็นธรรม เลิกหลอกตัวเอง มุ่งสู่ความจริงแท้ สัจจะความจริง จะนำเจ้าทั้งหลาย ไปสู่นิมิตหมายที่ดี ชีวิตหลังความตาย ต้องอาศัยผู้มีสัจจะ จึงจะได้พบทางอันเกษม ผู้ไร้สัจจะ หลอกตัวเองร่ำไป ไม่พอยังหลอกผู้อื่น มิละลายต่อบาป การกระทำของเขา ย่อมทำลายทั้งตัวเองและผู้อื่น ช่างน่าเวทนานัก
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือนักปราชญ์ยังมีปราชญ์
ท่านทั้งหลาย ไม่มีใครเป็นผู้วิเศษ ไม่มีใครเป็นผู้เลิศอย่างแท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนเวียนแปรเปลี่ยนไม่สิ้นสุด
เจ้าทั้งหลาย ขอให้มีปัญญา มองเห็นแก่นแท้ของความจริง มองเห็นแก่นแท้ของสรรพสิ่งทั้งหลาย อย่างที่มันเป็นอยู่ ไม่ให้หลอกลวงพวกเจ้าได้ เพราะสัจจะความจริง มิแปรผันเป็นอย่างอื่นได้เลย
ขอลูกรักทั้งหลาย จงตะหนักให้ดี เลิกหลอกตัวเองกันได้แล้ว เจ้าเอาชนะธรรมชาติไม่ได้ ความหมุนเวียนเปลี่ยนแปรนั้น คือสัจจะความจริง ที่เจ้าไม่มีวันที่จะเอาชนะได้
ขอฝากให้ลูกรักทั้งหลาย ได้มีสติเข้าไประลึก ค้นหาความจริงแท้ของพวกเจ้าดูซิ เกิดมาทำไมกัน เกิดมาทำอะไรกัน ตายไปแล้วได้อะไร มีอะไรที่เจ้าได้กลับไปบ้าง เหลือไว้แต่ความหลอกลวงซึ่งกันและกัน เหลือทิ้งไว้แต่ความเท็จ
ขอฝากให้ลูกรักทั้งหลาย ได้มีสติปัญญาพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบครอบ ค้นหาความจริงแท้ให้เจอ ชีวิตของพวกเจ้าทั้งหลาย ก็จะถึงสู่จุดหมายอันรื่นรมย์ เป็นจุดหมายที่ยากนักที่จะมีคนมองเห็น ยากนักที่จะมีคนเข้าถึงได้ จงใช้ความพยายามของเจ้า สติปัญญาของเจ้า มองให้เห็นให้ได้นะลูกรัก ขอฝากเจ้าไว้
วันนี้มาเตือนพวกเจ้า ก็ด้วยความปรารถนาดี ชี้ทางให้พวกเจ้าได้สมหวัง ได้พบความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งหลอกลวงอีกต่อไป
ขอเจริญพร เจริญธรรม ขอทุกสรรพจิต สรรพชีวิต จงมีสุขจงพ้นโทษ จงถึงซึ่งชัยชนะ คือฝั่งแห่งพระนิพพาน เป็นที่สุดเทอญ


นี่ ห รื อ นิ พ พ า น
คลิกอ่านตามลิ้งด้านล่าง
01 เรื่อง ของ ธ า ตุ (คลิกอ่าน)
02 บุญคุณที่ต้องทดแทน (คลิกอ่าน)
03 ความหลงใหลในสิ่งต่างๆ ล้วนนำมาซึ่งทุกข์ (คลิกอ่าน)
04 ชีวิตที่สูญเปล่า (คลิกอ่าน)
05 เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง (คลิกอ่าน)
06 สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนำมาซึ่งทุกข์ (คลิกอ่าน)
07 เรื่องของ ขั น ธ์ ห้ า (คลิกอ่าน)
08 เรื่อง นี่หรือนิพพาน (คลิกอ่าน)
09 ธรรมมะจากหลวงปู่ ... (คลิกอ่าน)
10 สุญญตาธรรม (คลิกอ่าน)
11 ธรรมธาตุทั้งหลายทั้งปวง อันเดียวกัน สิ่งเดียวกัน ต่างแค่ความเห็น (คลิกอ่าน)

หนังสือ นี่หรือนิพพาน 29-01-2560 A5.PDF
(ต้นฉบับส่งโรงพิมพ์ ขนาด-เล่มเล็ก) (5.83 X 8.27 นิ้ว)



ไม่มีความคิดเห็น: